26 เมษายน พ.ศ.2560
รายละเอียด
ในไตรมาสที่1 ปี 2560 เอสซีจี เคมิคอลส์
มีรายได้จากการขาย 54,271 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 27% จากไตรมาสก่อน
เนื่องจากกำลังการผลิตที่กลับมาหลังการหยุดซ่อมบำรุง
โรงงานผลิตโอเลฟินส์ (ROC)และเพิ่มขึ้น 14%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ก่อน
โดย EBITDA เท่ากับ 17,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน
จากปริมาณขายเม็ดพลาสติก ส่วนต่างราคา PP-Naphtha
และราคา by-products ของโรงงานผลิตโอเลฟินส์
ที่สูงขึ้นและเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
จากราคาขายของสินค้า เคมีภัณฑ์สูงขึ้น
ส่งผลให้กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 13,367 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 34% จาก ไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 49%
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เอสซีจี เคมิคอลส์ ไตรมาสที่1 ปี 2560
ผลประกอบการของทั้ง บริษัทย่อยและบริษัทร่วมปรับตัวดีขึ้น
ในไตรมาสที่ 1 ปี 2560 ราคาน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น
จากไตรมาสก่อน $4 ต่อ บาร์เรล หรือ 7%
มาอยู่ที่ $55 ต่อบาร์เรล จากการบรรลุตามข้อตกลง
การลดกำลังการ ผลิตของกลุ่มประเทศ OPEC
และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัว
ราคา Naphtha มีการ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน $49 ต่อตัน
หรือ 11% มาอยู่ที่ $499 ต่อตัน สอดคล้อง
กับแนวโน้มราคาน ้ามันที่เพิ่มขึ ้นและอุปทานที่มีจำกัด
เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงของ โรงกลั่นน้ำมัน
ราคาเม็ดพลาสติกโดยรวมปรับตัวสูงขึ ้น
โดยราคา HDPE ปรับตัวเพิ่มขึ ้นจากไตรมาส ก่อน $42 ต่อตัน
หรือ 4% มาอยู่ที่ $1,176 ต่อตัน เช่นเดียวกับ
ราคา PP ปรับตัวเพิ่มขึ ้น $73 ต่อตันหรือ 7% มาอยู่ที่ $1,160 ต่อตัน
จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ ้นหลังเทศกาลตรุษจีน
โดยส่วนต่างราคาเฉลี่ย HDPE-Naphtha ลดลงจากไตรมาสก่อน $7 ต่อตัน
หรือ 1% มา อยู่ที่ $677 ต่อตัน ในขณะที่
ส่วนต่างราคาเฉลี่ย PP-Naphtha เพิ่มขึ ้นจากไตรมาสก่อน $25 ต่อตัน
หรือ 4% มาอยู่ที่ $661 ต่อตันจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ ้นหลังเทศกาลตรุษจีน
ในไตรมาสที่ 1 ปี 2560 ปริมาณขาย Polyolefin (PE และ PP)
อยู่ที่ 457,000 ตัน เพิ่มขึ้น 8% หรือ 32,000 ตัน จากไตรมาสก่อน
จากการหยุดซ่อมบำรุงของโรงงานผลิตโอเลฟินส์ (ROC)
ในไตรมาสที่ 4 ปี 2559 และ
มีปริมาณการส่งออกอยู่ที่ 252,000 ตัน หรือ
เท่ากับ 55% ของปริมาณการขายรวม
สำหรับตลาด PVC ส่วนต่างราคาตลาด PVC และ EDC/C2 ลดลง
จากไตรมาสก่อน 15% มาอยู่ที่ $421 ต่อตัน
จากราคาEDC ที่ปรับตัวสูงขึ้น $48 ต่อตันจากไตรมาสก่อน
หรือ 18% มาอยู่ที่ $305 ต่อตัน เนื่องจากอุปทาน
ที่ตึงตัวเนื่องมาจากการหยุดซ่อมบำรุง ของผู้ผลิตในตะวันออกกลาง
ปริมาณการขาย PVC ในไตรมาสที่ 1 ปี 2560อยู่ที่ 187,000 ตัน
ลดลงเล็กน้อย 1,000 ตัน หรือ1%จากไตรมาสก่อน
ซึ่งมีผลจากปริมาณส่งออกไปยังประเทศ
ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดลงจากราคา APVC ของคู่แข่งที่ถูกลง
ในขณะที่ประเทศอินเดียมี ความต้องการเพิ่มขึ้นภายหลัง
มาตรการการยกเลิกการใช้ธนบัตรเก่า (demonetization)
ในเดือนมกราคม ปี 2560
ส่วนต่างราคาตลาด BD-Naphtha เพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนอย่างมาก
ที่ 80% มาอยู่ที่ $2,080 ต่อตัน เนื่องจาก
ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีนหลังเทศกาลตรุษจีน
การปิดตัวของโรงงานผลิต BD ในภูมิภาคยุโรป
รวมทั้งอุปทานของยางธรรมชาติที่ลดลง เนื่องจากสถานการณ์น้าท่วมที่ภาคใต้
ส่วนต่างราคาตลาด MMA-Naphtha เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน
มาอยู่ที่ $1,465 ต่อตัน เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงงานผลิต MMA
ในส่วนของธุรกิจ PTA ส่วนต่างราคาตลาด PTA และ PX
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ $68 ต่อตัน หรือคิดเป็น 3% จากไตรมาสก่อน
จากราคา PTA ในประเทศจีนที่สูงขึ้น ในขณะราคา PX ปรับตัวสูงขึ้น
ตามราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น
การเผยแพร่ Analyst Conference Presentation Q1/2017
ที่มา
WWW.CHEMWINFO.COM BY KHUN PHICHAI