15 กุมภาพันธ์ 2561
รายละเอียด
ในปี 2560 กลุ่มไทยออยล์ มีกำไรสุทธิ 24,856 ล้านบาท หรือ
12.18 บาทต่อหุุ้น เพิ่มขึ้น 3,634 ล้านบาทจากปี 2559
ในปี 2560 กลุ่มไทยออยล์สามารถบรรลุการดําเนินการ
ตามโครงการ Profitability Improvement คิดเป็นจํานวนทั้งสิ้น 5,505 ลานบาท
ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ได้วางไว้โครงการดังกล่าวแบ่งเป็น 4 ด้าน ได้แก่
(1) การบริหารจัดการด้านการจัดหาวัตถุดิบและวางแผนพาณิชย์
(Supply and Marketing Management)
(2) การบริหารจัดการด้านการผลิต (Hydrocarbon Management)
(3) โครงการ Transcendence และ
(4) การบริหารจัดการด้านค่าใช้จ่าย (Orchestra Project)
กลุ่มไทยออยล์มีค่าใช้จ่ายด้านภาษีเงินได้ 5,529 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,234 ล้านบาท
ตามผลกําไรก่อน ภาษีที่เพิ่มขึ้นและโรงกลั่นไทยออยล์ใช์ สิทธิประโยชน์ทางภาษี
จากโครงการปรับปรุงเพ่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมหมดลงและ
ผลขาดทุนสุทธิยกมาหมดลง
กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 337,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62,649 ล้านบาท มีผลจาก
ราคาขายผลิตภัณฑ์ เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการ
ผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มไทยออยล์มกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม
ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน 9.1 เหรยญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
เพิ่มขึ้น 1.6 เหรยญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลจาก ส่วนต่างราคาน้ํามันสำเร็จรูป
ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาและ Crude Premium ที่ปรับลดลง
ด้านตลาดสารอะโรเมติกส์ได์ร้บแรงหนุนจากตลาดสารเบนซีนที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
ซึ่งเป็นผลมาจากอุปทานที่ตึงตัวหลังจากโรงผลิตสารเบนซีนรายใหญ่ในสหรัฐฯปิดซ่อมบำารุง
อย่างกระทันหันตั้งแต่ปลายปี 2559
ขณะที่ตลาดสารพาราไซลีนมีแรงกดดันจากอุปทานใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากประเทศอินเดีย
ด้านตลาดสารตั้งตั้นสำหรับ ผลิตภัณฑ์สารทําความสะอาด ส่วนต่างราคาสาร LAB
กับสารตั้งต้นยังอยู่ในระดับต่ำ เป็นผลจากอุปสงค์ของประเทศอินเดียที่ชะลอตัวลง
ด้านตลาดน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานปรับตัวดีขึ้นตามแรงหนุนจากอุปทานที่ลดลง
เนื่องจากโรงผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานหลายแห่งในภูมิภาคปิดซ่อมบํารุง ตามแผน
ด้านตลาดยางมะตอยปรับตัวดีขึ้นเช่นกันเนื่องจากอุปทานในภูมิภาคปรับลดลง
จากการปิดซ่อมบํารุงของโรงกลั่นน้ำมันในไทยและสิงคโปร์ ในช่วงครึ่งแรกของปี
อีกทั้งผู้ผลิตบางรายได้เพิ่มการผลิตน้ำมันเตาแทนการผลิตยางมะตอย
หลังจากราคาน้ำมนเตาปรับตัวสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดิบดูไบที่สูงขึ้น 9.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจากสิ้นปี 2559
ทําให้มีผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันจำนวน 3,343 ลานบาท
เมื่อรวมผลขาดทุนจากอนุพันธ์ประกันความเสี่ยงสุทธิ 133 ล้านบาท
ส่งผลใหกลุ่มไทยออยล์มี EBITDA 36,925 ลานบาท เพิมขึ้น 4,250 ลานบาท
โดยมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 3,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,736 ล้านบาท
จากค่าเงนบาทที่แข็งค่าขึ้น 3.15 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ จาก ณ สิ้นปิ 2559
ทั้งนี้จากการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจขนส่งทางเรือและ
ภาวะชะลอตัวของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ส่งผลให้ค่าขนส่งลดลง
และเรือบางลำจอดรอรับงาน ทําให้การบันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของ
สินทรัพย์ของ TM จำนวน 547 ล้านบาท
อยางไรก็ดีการเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชยของ LABIX และ TOP SPP
ตั้งแต่ ปี 2559 มีส่วนเพิ่มผลกำไรให้กับกลุ่มไทยออยล์อย่างต่อเนื่องตลอด
่ท้ังปี 2560 เช่นเดียวกันกับธุรกิจผลิตเอทานอลที่มีอัตรากำไรขั้นต้นปรับสูงขึ้น
เป็นอย่างมากจากราคาขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและราคาวัตถุดิบปรับลดลง
Source : www.set.or.th
WWW.CHEMWINFO.COM BY KHUN PHICHAI